พญาสุบรรณครุฑ สร้างโบสถ์ รุ่นแรก หลวงพ่อวิชิต วัดป่าเขาปลวก จ.บุรีรัมย์ ปี 2564
เนื้อสัมฤทธิ์แดง สร้าง 999 ตน
พญาครุฑแกะมือออกมาเป็นพิมพ์ งานทนงโบราณ ผสมผสานงานสมัยใหม่แต่ไม่ทิ้งทรงโบราณ
พุทธคุณมหาอำนาจวาสนาบารมีล้างอาถรรพ์คุณไสยนำความเจริญก้าวหน้าตําแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตการงานที่ดี พลิกดวงชะตาชีวิต ร้ายกลับกลายเป็นดี
ทำทั้งทีต้องทำให้ดีปลุกเสกบนวัดป่าเขาปลวก เขาสูงตรงตามตำราพญาครุฑโบราณ
เปิดธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ. สวดอัดพุทธคุณ ด้วยจิตบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ วิชิต พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเดินรอยตามครูบาอาจารย์ที่ได้ร่ำเรียนมา
มวลสารที่ไม่ธรรมดามีทั้ง แผ่นยันต์
อักขระต่างๆ
ยันต์เมตตามหานิยม
ยันต์โภคทรัพย์
ยันต์มหาอุด
แผ่นยันต์ เก่า ครูบาอาจารมอบให้
ตะปูสังฆวานร พญาสมิงเหล็ก
แร่เหล็กไหล แร่เขาปลวก เพชรหน้าทั่ง โลหะสำริดโบราณ
พญาครุฑรุ่นแรกหลวงตาวิชิต วิเสโส วัดป่าเขาปลวก โดดเด่นด้วยมหาอำนาจ เสริมโชคเสริมลาภ อุปถัมภ์ค้ำชูผู้ดำรงศีลดำรงธรรม
หลวงตาวิชิตเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามรอยครูบาอาจารย์ ท่านเป็นผู้มี จิต ชั้นสูง ปลุกเสกอะไรย่อมศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลัง มีความแตกฉานในสรรพวิชาต่างๆ ท่านอัญเชิญบารมีครูบาอาจารย์ องค์พญาครุฑ เทพยดา ทั้งชั้นฟ้าชั้นพรหม ร่วมประสิทธิ์ประสาทพุทธคุณ และ ร่วมอนุโมทนาบุญ
ผู้ใดร่วมบูชานับว่าโชคดีและเป็นบุญของผู้บูชา พุทธศิลป์สวยงาม หล่อตามตำราโบราณ
#หลวงตาวิชิต ได้กล่าวไว้เห็นดีเห็นงามบูชากันไว้พญาครุฑนี้ ต่อไปภายหน้าจะเป็นที่ตามหา พญาครุฑองค์นี้ พุทธาคมท่านสูง ท่านจะดลจิตดลใจ ไปยังศิษย์ผู้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันมา และ ศิษย์ผู้ศรัทธาในองค์พญาครุฑมาร่วมสร้างบุญสร้างกุศลสร้างโบสถ์วัดป่าเขาปลวก ด้วยอำนาจบารมีที่เปี่ยมด้วยพุทธคุณของพญาสุบรรณ เป็นมหาอำนาจ เสริมโชคเสริมลาภ เมตตามหานิยมค้าขายร่ำรวย
มีไว้บูชาเงินไม่ขาดกระเป๋า สิ่งชั่วร้ายไม่กล้ากล้ำกลาย
#หลวงตาวิชิต ท่านยังกล่าวอีกว่า ผู้ใดนับถือพญาครุฑไม่ควรพลาด ท่านอัญเชิญพญาสุบรรณ ขอบารมีของท่านเพื่อมาช่วยในงานบุญบำรุงพระพุทธศาสนา ผู้ที่ศรัทธาในองค์พญาครุฑไม่ควรพลาด และ ได้ทำบุญสร้างโบสถ์ เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาสืบไป วัตถุประสงค์ชัดเจน จึงมาบอกบุญ ให้สาธุชนได้ร่วมบุญกัน
....................................
ประวัติ หลวงพ่อวิชิต วิเสโส
พื้นเพหลวงพ่อวิชิตท่านเป็นชาวสุรินทร์ท่านบวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณรเมื่ออายุครบเกณฑ์จึงบรรพชาอุปสมบท หลวงพ่อวิชิตได้บรรพชาอุปสมบทเมื่ออายุได้ 22 ปี จนถึงปัจจุบันรวมพรรษา 35 พรรษา ( 2560 ) ท่านมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่หงษ์ ( พรหมปัญโญ ) สุสานทุ่งมน ( วัดเพชรบุรี ) หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริ และอีกรูปหนึ่งที่ปัจจุบันยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ในจังหวัดสุรินทร์แต่ท่านไม่อนุญาตให้เปิดเผย เนื่องด้วยต้องการความสงบอย่างแท้จริง ท่านจะมาในวาระสำคัญจริงๆของหลวงพ่อวิชิต แม้แต่ถ่ายรูปยังต้องขออนุญาต....
หลวงพ่อวิชิตท่านมีความมุ่งมั่นเพื่อความหลุดพ้นจากสงสารวัฏ หมั่นฝึกฝนตนเองด้วยการเจริญภาวนาเจริญสมาธิ ถือธุดงควัตร เสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ไปยังสถานที่ต่างๆด้วยความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตั้งปณิธานไว้ ท่านมีโอกาสได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆจากครูบาอาจารย์หลายท่านล้วนแต่เป็นอริยสงฆ์ ด้วยบุญพาวาสนาส่งท่านมีโอกาสได้พบหลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก และอยู่รับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่สาม หลวงวิชิต ได้วิชากรรมฐาน จากหลวงปู่สาม ในช่วงระยะเวลา 5 ปี จนถึงเวลาหลวงปู่สามท่านได้เอ่ยบอกหลวงพ่อวิชิตว่า …...ไปเถอะถึงเวลาแล้วมีครูบาอาจารย์รอท่านอยู่ต่อไปภายหน้าท่านจะได้ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากจากวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา…… เมื่อหลวงปู่สามกล่าวเช่นนั้นหลวงพ่อวิชิตจึงกราบลาและธุดงค์ต่อไปด้วยเชื่อในคำที่หลวงปู่สามท่านกล่าวไว้ แต่ไม่ทราบได้ว่าต่อไปท่านจะพบเจอครูบาอาจารย์องค์ไหนต่อไป หลวงพ่อวิชิตได้ธุดงค์ต่อไปในแถบชายแดนติดกับเขมร จนกระทั่งได้พบพระรูปหนึ่งและนึกในใจว่าพระอะไรทำไมเป็นแบบนี้จึงมิได้ใส่ใจมุ่งมั่นธุดงค์ต่อไป แต่ที่น่าแปลกไปถึงตรงไหนก็จะได้พบพระรูปนี้เรื่อยไป จนท่านนึกแปลกใจจึงได้เริ่มที่จะสนทนาด้วย จากการสนทนาทำให้หลวงพ่อวิชิตทราบว่าพระแก่ๆที่ท่านนึกปรามาสไว้ไม่ใช่พระธรรมดาแน่ และ ได้ทราบว่าท่านคือหลวงปู่สรวง ( เทวดาเล่นดิน )
จากคำบอกเล่าที่หลวงพ่อวิชิตท่านได้เล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า …….หลวงปู่สรวงเป็นพระที่ไม่ใช่พระธรรดาอย่างที่เราๆท่านๆเคยพบเคยเห็นเคยกราบไหว้ ……..หลังจากหลวงพ่อได้ทราบแล้วว่าพระแก่ๆที่หลวงพ่อไปทางไหนก็หนีไม่พ้นคือ หลวงปู่สรวงจึงได้สนทนาธรรมกัน ยิ่งทำให้หลวงพ่อวิชิตรู้สึกทึ่งในบุญบารมีของเทวดาเล่นดินองค์นี้ จะด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้ ทำให้หลวงพ่อวิชิตได้อยู่ดูแลอุปัฏฐากหลวงปู่สรวงนานหลายปีตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปี 2539 รวมระยะเวลา 5 ปี หลวงปู่สรวงมีความแตกฉานในหลายๆด้าน ซึ่งหลวงปู่สรวงได้ถามหลวงพ่อวิชิตว่า อยากได้วิชาอะไรจากท่าน ทำให้หลวงพ่อวิชิตคิดใคร่ครวญและไตร่ตรองในคำถามที่หลวงปู่สรวง ท่านถาม โดยหลวงพ่อวิชิต ได้เลือกที่จะเรียนวิชายาสมุนไพรจากหลวงปู่สรวงด้วยเห็นว่าวิชายาสมุนไพรนี้หากมีความรอบรู้แตกฉานสามารถที่จะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในภายภาคหน้าได้ เมื่อสรุปได้ดังนั้นหลวงปู่สรวงได้ถ่ายทอดวิชายาสมุนไพรให้กับหลวงพ่อวิชิตจนหมดสิ้น โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่กับหลวงปู่สรวงได้ธุดงค์อยู่ตามป่าตามเขาเรียนรู้พวกตัวยาสมุนไพร จนหลวงปู่สรวงท่านมั่นใจและพอใจในตัวหลวงพ่อวิชิตแล้ว โดยในระยะต่อมาหลวงปู่สรวง ได้บอกกับหลวงพ่อวิชิตว่า ท่านมาถูกทางแล้วที่เลือกที่จะเรียนรู้ในด้านนี้ ต่อไปภายหน้าวิชาเหล่านี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลสร้างบารมีให้กับตัวหลวงพ่อเอง ซึ่งสิ่งที่หลวงปู่สรวงได้พูดกับหลวงพ่อวิชิตตรงกับคำทำนายที่หลวงปู่สาม ( อกิญจโน ) ท่านได้ทำนายหลวงพ่อวิชิตไว้ และ ในช่วงระยะเวลาต่อมาหลังจากหลวงปู่สรวงท่านมั่นใจในตัวหลวงพ่อวิชิตเรียนรู้วิชายาสมุนไพรได้แตกฉานแล้ว หลวงปู่สรวงได้มอบ วิชาต่างๆให้หลวงพ่อวิชิต จนหมดสิ้น มีทั้งเมตตามหาเสน่ห์ มหาอุตม์ โภคทรัพย์ และ อีกหลายๆวิชา เมื่อร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆจนหมดสิ้นแล้ว หลวงปู่สรวงได้มอบของดีสุดล้ำค่า ด้วยหลวงปู่สรวงท่านรู้ว่าต่อไปภายหน้าสิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อหลวงพ่อวิชิต
สิ่งที่หลวงปู่สรวงได้มอบไว้ให้หลวงพ่อวิชิตเพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้าต่อพระพุทธศาสนาสิ่งนั้นคือวัตถุมงคลจำนวน หนี่งคือ พระขุนแผนอุ้มไก่ ซึ่งหลวงพ่อวิชิตได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาจนถึงปัจจุบันหลังจากได้ร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่สรวงจนเป็นที่พอใจของหลวงปู่สรวงแล้วก็ถึงเวลาที่หลวงพ่อวิชิตออกธุดงค์ต่อไปเพื่อแสวงหาในสิ่งที่หลวงพ่อวิชิตได้มุ่งมั่นและตั้งใจไว้ท่านได้ธุดงค์เรื่อยมาเหมือนมีสิ่งดลใจให้ท่านได้มาพบสถานที่ที่หนึ่งซึ่งในสถานที่นี้หลวงพ่อวิชิตท่านได้พบกับหลวงปู่ไสวสำหรับหลวงปู่ไสวนี้เปรียบเสมือนครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อวิชิตอีกรูปหนึ่งจากการพบปะกันหลวงปู่ไสวได้ให้คำแนะนำในสิ่งที่หลวงพ่อวิชิตแสวงหามาโดยตลอดซึ่งสถานที่ที่ได้พบกับหลวงปู่ไสวคือเขาปลวก หลวงปู่ไสวได้บอกกับหลวงพ่อว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเจริญภาวนาแสวงหาธรรมชั้นสูงสถานที่แห่งนี้มีบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายปกปักษ์รักษาดูแลอยู่และสิ่งที่หลวงพ่อวิชิตท่านได้ค้นพบด้วยตัวท่านเองเป็นจริงอย่างที่หลวงปู่ไสวเคยกล่าวไว้หลวงพ่อวิชิตได้อยู่สถานที่แห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน คือวัดป่าเขาปลวก