เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว


เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว
เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว
เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว
เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว
เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว


 
 ชื่อรายการ :   เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว
 รายละเอียด :
เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว (เลี่ยมทองพร้อมใช้) มีบัตรรับรองพระแท้
 
เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี 2482 เนื้อตะกั่ว 
ปัจจุบันเป็นเหรียญของแท้ที่หาได้ยากมาก เป็นเหรียญยอดนิยมอันดับหนึ่งของดินแดนล้านนาและเป็นสุดยอดปรารถนาของหลายๆท่าน 
 
อีกทั้งวงการยังเล่นหากันโดยถือเป็นเหรียญรุ่นแรกของท่านด้วยครับ ( เป็นเหรียญตายที่มีราคาแพงที่สุดเหรียญหนึ่งของวงการ ) 
 
เพราะขึ้นชื่อของเรื่องความหายากมีประสบการณ์เพียบของเก๊หรือของฝีมือก็มีมากมายหลายฝีมือ นอกจากจะเป็นเหรียญยอดนิยมของทางภาคเหนือแล้ว
ยังเป็นเหรียญยอดนิยมอันดับต้นๆระดับประเทศอีกด้วยครับ 
 
เหรียญครูบาเจ้าศรีวิชัย ปี พ.ศ.2482 จัดสร้างโดยคณะศิษย์ เพื่อรำลึกถึงพระคุณของครูบาเจ้าฯและเพื่อร่วมทำบุญในงานพิธีพระราชทานเพลิงศพของครูบาเจ้าศรีวิชัย
ที่จะมีขึ้นวัดจามเทวี ลำพูน ในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2489 โดยให้ทาง “ร้านอมราภรณ์ “ตึกดิน แกะแบบพิมพ์สร้างจากโรงงานที่กรุงเทพ 
 
น่าจะเป็นโรงงานเดียวกันกับ เหรียญหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพที่ออก ปี 2482 และเหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ที่ออกปี 2484 นายช่างแกะบล็อกพิมพ์ก็อาจจะเป็นคนๆเดียวกันด้วยซ้ำ 
 
เสร็จแล้วได้นำเข้าร่วมพิธีปลุกเสกพิธีใหญ่ที่ วัดราชบพิตร ปี 2482 
ประกอบไปด้วยเหรียญเนื้อเงินลงยาพุ่มข้าวบิณฑ์ สำหรับแจกกรรมการ
เหรียญเนื้อโลหะรูปไข่ ตะกั่ว,ทองแดง ,ทองฝาบาตร ,เนื้อเงิน 
 
โดยจะมีแบบบล็อกพิมพ์หลักคือสองชาย และ สามชาย (ชายจีวร )ในแต่ชนิดโลหะ พิธีการปลุกเสกเหรียญครูบาศรีวิชัยปีพ.ศ. 2482 
ได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกเป็นพิธีใหญ่ที่วัดราชบพิตร โดยในครั้งนั้นมีสุดยอดเกจิอาจารย์รุ่นอินโดจีนหลายๆท่านเข้าร่วมในพิธี อาทิเช่น 
 
หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง อยุธยา 
หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ไชยชุมพล กาญจนบุรี 
หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี
หลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง นนทบุรี
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา
หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร
หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม สมุทรสงคราม
หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี
หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม
หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ อยุธยา
หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ลพบุรี
หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี
หลวงพ่อจง วักหน้าต่างนอก อยุธยา เป็นต้น
 
เหรียญครูบาเจ้าศรีวิชัยปีพ.ศ.2482 เรื่องของพุทธคุณหรือประสบการณ์ที่โด่งดังลือลั่นมาก มีดีทั้งแคล้วคลาด นิรันตราย เป็นเมตตามหานิยม ครบเครื่องครับจึงหายากและมีราคาแพง.

.......................................................
คาถาบูชา ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา

อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโย นามะ มหาเถโร อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิ ปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทีนัง มะหะลาภา ภะวันตุ เม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ

.....................................................................................


ครูบาศรีวิชัย  นักบุญแห่งล้านนาไทย

จากข้อมูลในหนังสือ สารประวัติครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ของ สิงฆะ วรรณสัย ได้ระบุข้อมูลชีวิตชั้นต้นของ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ไว้ว่า ท่านเกิดในปีขาล เดือน 9 เหนือ หรือเดือน 7 ของภาคกลาง ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ จ.ศ. 1240 เวลาพลบค่ำ ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2421 ที่บ้านปาง ตำบลแม่ตืน ในปัจจุบันคือ ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

ท่านเป็นบุตรของนายควาย และนางอุสา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน บ้านเกิดของพวกเขาคือ บ้านสันป่ายางหลวง ทางด้านเหนือของตัวเมืองลำพูน ในวันที่นางอุสาเจ็บท้องจะคลอดลูก พระอาทิตย์ได้คล้อยต่ำลงไปเกือบจะ 6 โมงเย็น นายควายและญาติพี่น้องพร้อมด้วยหมอตำแย ได้ดูแลการคลอดของนางอุสาอย่างเต็มที่ และในขณะนั้นท้องฟ้าอากาศที่สว่างไสวกลับมืดครึ้ม เกิดพายุแรงพัดกระหน่ำสายฝนตกลงมาอย่างหนักและมีเสียงฟ้าร้อง

จนกระทั่งในที่สุด นางอุสาก็ได้คลอดทารกน้อยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อเสียงฝนและพายุก็หยุดสงบลง ทำให้ครอบครัวของนายควายได้ตั้งชื่อเด็กน้อยที่เกิดขึ้นมาว่า ‘เด็กชายอินท์เฟือน’ ตามภาษาล้านนาแปลว่ากระเทือนหรือกัมปนาท

เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มน้อยอายุ 17 ปี นายเฟือนได้เข้าสู่เส้นทางธรรม บวชเป็นเณรที่วัดบ้านปาง ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ กับครูบาขัตติยะ เมื่อสามเณรอินตาเฟือนมีอายุย่าง 21 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน ได้รับฉายานามว่า “สิริวิชโยภิกขุ” หรือ “พระศรีวิชัย”

พระศรีวิชัย เป็นที่ร่ำลือกันว่า ท่านเป็นผู้มีศรีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด อาทิ ท่านงดการเสพหมาก เมี่ยง บุหรี่ นอกจากนี้ยังงดฉันเนื้อสัตว์ ตั้งแต่เมื่ออายุ 26 ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักจะเป็นผักต้มใส่กับเกลือและพริกไทย

ด้วยจริยวัตรอันเคร่งครัดของท่าน ทำให้เกิดแรงศรัทธาแก่เหล่าพุทธศาสนิกชน กระทั่งรวบรวมเหล่าพุทธศาสนิกชนทำการสร้างทางเดินขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2478

นอกจากที่ท่านจะสร้างทางขึ้นดอยสุเทพแล้ว ท่านยังได้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับลานนาไทย รวมทั้งการสร้าง และบูรณวัดต่าง ๆ หลายวัด ท่านเป็นผู้ทรงศีล จนได้รับขนานนามว่า “พระครูบาศีลธรรมเจ้า”

พระศรีวิชัย ให้ความสนใจในวิชาอาคม และยึดถือเป็นของวิเศษ นำพาความเจริญสู่ชีวิตมาให้ และว่ากันว่า ด้วยความเลื่อมใสในวิชาอาคม พระศรีวิชัยมีความคิดที่จะลาสิกขา รวมทั้งท่านยังได้สักขาหมึกดำทั้ง 2 ข้างตามความนิยมของชายล้านนาสมัยนั้น

ในเวลานั้นครูบาขัตติยะมรณภาพลง พระศรีวิชัยจึงได้ทำบุญฌาปนกิจพระอาจารย์ หลังจากนั้นด้วยท่านเป็นพระที่มีพรรษามากที่สุดในขณะนั้น ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัด จากนั้นจึงทำการย้ายวัดจากที่ตั้งเดิมขึ้นไปอยู่บนเขา และให้ชื่อว่า “วัดศรีดอนชัยทรายมูลบุญเรือง”

ชื่อเสียงของครูบาเจ้าศรีวิชัยทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูปนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูนตั้งอธิกรณ์กล่าวหาว่าท่าน 8 ข้อ อาทิ ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) และพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ได้ถวายรายงานมีความเห็นว่า ข้อ 1-5 ซึ่งเกี่ยวกับการไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง พระศรีวิชัยรับสารภาพและได้รับโทษแล้ว ข้อที่เหลือซึ่งเกี่ยวกับการอ้างคุณวิเศษ พระศรีวิชัยไม่มีความผิด เพราะประชาชนเล่าลือไปเอง และเจ้าคณะลงโทษเกินไป ควรปล่อยพระศรีวิชัยกลับภูมิลำเนา สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณโรรสทรงเห็นชอบ

ครูบาศรีวิชัย มรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย ตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายพระเพลิง ก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชา อัฏฐิธาตุของท่านที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมได้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน แบ่งไปบรรจุตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินล้านนา ดังนี้

ส่วนที่ 1 บรรจุที่ วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
ส่วนที่ 2 บรรจุที่ วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนที่ 3 บรรจุที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง
ส่วนที่ 4 บรรจุที่ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
ส่วนที่ 5 บรรจุที่ วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่
ส่วนที่ 6 บรรจุที่ วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ส่วนที่ 7 บรรจุที่ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวภายหลังการร่วมคณะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ร่วมรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก

รวมถึงติดตามการดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ ว่ากระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาทหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานขับเคลื่อนการเสนอชื่อ ครูบาเจ้าวิชัย ให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในพ.ศ.2571 ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก
 ราคา :   69,999
 
 ร้าน :   พลังศรัทธา  
 เบอร์โทรติดต่อ :   0966644953
 E-mail :   PhlangSraththa@hotmail.com

 วันที่อัพเดตข้อมูลล่าสุด :   15 ม.ค. 2567 13:08:17